พรมมิ สมุนไพรไทยที่ขึ้นตามริมตลิ่ง มองผ่าน ๆ อาจดูเหมือนไร้ค่า แต่ใครจะรู้ว่าสรรพคุณของพรมมิช่วยป้องกันอัลไซเมอร์ได้ไม่แพ้สมุนไพรเมืองนอกเลย
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ผลของพรมมิต่อการเรียนรู้และความจำ
ในการศึกษาผลของสารสกัดพรมมิต่อการเรียนรู้และการป้องกันเซลล์ประสาทของหนู พบว่าเมื่อให้สารสกัดพรมมิขนาด 20, 40 และ 80 มก./ น้ำหนักหนู 1 กก. เป็นเวลา 14 วัน หนูมีการเรียนรู้ และความจำดีขึ้น
นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังได้ศึกษาผลของสารสกัดพรมมิในสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดสภาวะความจำบกพร่องด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น กรณีที่สมองขาดเลือด หรือได้รับสารพิษ พบว่าหนูที่ได้รับพรมมิทุกขนาดที่กล่าวมา ก่อนที่สมองถูกทำลายเป็นเวลา 14 วัน จะมีความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีกว่า หนูที่ไม่ได้รับพรมมิ โดยพรมมิมีผลปกป้องเซลล์ประสาทในสมอง และทำให้สารสื่อประสาทถูกทำลายน้อยลง
ผลการทดลองในสัตว์ทดลองนี้สอดคล้องกับการศึกษาสารสกัดพรหมมิต่อการป้องกันเซลล์ประสาทจากอันตรายที่เกิดจาก beta amyfoid ในเซลล์สมองหนูเพาะเลี้ยง ซึ่งพบว่าสารสกัดพรมมิมีฤทธิ์ป้องกันเซลล์ประสาทได้กลไกของสารสกัดพรมมิต่อการเรียนรู้และความจำ คือการลดไลปิเปอร์รอกซิเดชัน และต้านการทำงานของอะเซติลโคลีนแอสเตอเรส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลายสารสื่อประสาทอะเซติลโคลีน
เมื่อศึกษาเปรียบเทียบผลของสารสกัดพรมมิกับสารสกัดจากใบแปะก๊วย และยา donepezil ซึ่งเป็นยาต้านอัลไซเมอร์ต่อพฤติกรรมการเรียนรู้และความจำของหนูที่แก่ตามธรรมชาติ ผลการทดลองหลังจาก้อนสารสกัดหรือยาติดต่อกันนาน 3 เดือน พบว่า หนูแก่ที่ได้รับสารสกัดพรมมิ (40 มก./กก.) มีการเรียนรู้และความจำเกี่ยวกับสถานที่ และความสามารถในการจดจำสิ่งของได้ดีพอ ๆ กับหนูแก่ที่ได้รับสารสกัดจากใบแปะก๊วย (60 มก./กก.) หรือที่ได้รับยา donepezil (1 มก./กก.) และดีกว่าหนูแก่กลุ่มควบคุมที่ได้รับเฉพาะน้ำกลั่นอย่างมีนัยสำคัญ
ผลของพรมมิต่อระบบหัวใจหลอดเลือด
เมื่อให้สารสกัดพรมมิ (40 มก./กก.) หรือสารสกัดแปะก๊วย (60 มก./กก.) ทางปากในหนูแรทเป็นเวลานานติดต่อกัน 2 เดือน พบว่าทั้งสารสกัดพรมมิ และสารสกัดแปะก๊วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตบริเวณหลอดเลือดแดงบนเยื่อหุ้มสมอง โดยมีประสิทธิภาพเท่า ๆ กัน และสารสกัดพรมมิไม่มีผลทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นหัวใจของหนูแรทเปลี่ยนแปลงไป
การศึกษาทางพิษวิทยา
ไม่พบความเป็นพิษของพรมมิในการศึกษาพิษวิทยา ทั้งพิษเฉียบพลัน กึ่งเรื้อรัง และเรื้อรัง ซึ่งศึกษาการให้พรมมิในขนาดสูงในหนูขาวเป็นระยะเวลา 9 เดือน
การศึกษาอันตรากิริยาต่อยาของพรมมิ
การศึกษาผลของสารสกัดพรมมิต่อการทำงานของเอนไซม์ไชโตโครม P450 (CYP) จากตับหนูและจากมนุษย์ในหลอดทดลองพบว่า สารสกัดพรมมิมีผลต่ำในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP1A2, CYP2C, CYP2E1 และ CYP3A จึงประเมินได้ว่ามีโอกาสน้อยที่สารสกัดพรมมิในขนาดปกติจะก่อให้เกิดอันตรกิริยากับยาแผนปัจจุบันที่อาศัยเอนไซม์ดังกล่าวในการเปลี่ยนแปลงเพื่อการขจัดออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตามยังต้องศึกษาเรื่องดังกล่าวต่อไปในระดับลึก
การศึกษาทางคลินิก
กลุ่มคณะนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ศึกษาผลของพรมมิในอาสาสมัครวัยกลางคนและสูงอายุ (อายุมากกว่า 55 ปี) จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้ยาหลอก และได้สารสกัดพรมมิขนาด 300 และ 600 มก.ต่อวัน พบว่า...
เมื่ออาสาสมัครได้รับสารสกัดพรมมิเป็นเวลา 2 เดือนขึ้นไป ประสิทธิภาพการทรงตัวจะเพิ่มขึ้นมีการตื่นตัวต่อสิ่งเร้าและมีสมาธิมากขึ้น มีความสามารถในการเรียนรู้และความจำเพิ่มขึ้น โดยมีแนวโน้มว่าสารสกัดพรมมิจะออกฤทธิ์โดยการเพิ่มระดับสารสื่อประสาทอะเซติลโคลีนและลดระดับ oxidative stress
นอกจากนี้จากการศึกษายังไม่พบอาการพิษ และภาวะข้างเคียงใด ๆ ในอาสาสมัคร
สรุป
พรมมิ เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่มีการใช้สืบเนื่องกันเป็นเวลานาน ทั้งในด้านอาหารและยา คณะผู้วิจัยไทยสามารถวิจัยและพัฒนาสารสกัดมาตรฐานพรมมิอย่างครบวงจรทั้งด้านเคมี เภสัชวิทยา พิษวิทยา พบว่าสารสกัดพรมมิมีประสิทธิภาพในการบำรุงความในอาสาสมัครายุมากกว่า 55 ปีโดยไม่พบผลข้างเคียงใด ๆ
งานวิจัยนี้ ได้ถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังองค์การเภสัชกรรม และทางองค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรมมิ GPO และจัดจำหน่ายตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2557
หลายคนถามว่าควรกินผักพรมมิเท่าไร จึงเท่ากับกินสารสกัดพรมมิ 1 เม็ด ตอบได้ว่าควรกินประมาณ 30 กรัมต่อวัน ซึ่งเท่ากับพรมมิประมาณ 50 ยอด หรือ 1 จาน
สำหรับการเพาะปลูกนั้น พรมมิเป็นพืชที่ปลูกง่าย แค่ตัดมาปักบนดินก็ขึ้นแล้ว เหมาะกับดินทุกประเภท โดยเฉพาะดินที่ค่อนข้างเหนียว พรมมิต้องการแสงแดด และต้องการน้ำ ควรปล่อยให้น้ำท่วมดินที่ปลูกอยู่ตลอดเวลา
วันที่: Sat Apr 19 23:56:57 ICT 2025
|
|
|